ประเทศอินโดนีเซียเตรียมระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มออกนอกประเทศใน สืบเนื่องมากจากวิกฤตขาดแคลนในประเทศ อาจะเป็นเหตุให้น้ำมันปาล์มรวมไปถึงน้ำมันพืชทั่วโลกปรับราคาสูงขั้นกว่าเดิม
จากปัญหาการเมืองภายในประเทศของอินโดนีเซีย ที่ในขณะนี้เกิดวิกฤตขาดแคลนในประเทศ ทำให้ประชาชนเกิดความไม่พึงพอใจ ออกมาประท้วงขับไล่รัฐบาล ทำให้ประธานาธิบโจโก ดีวิโดโด ของอินโดนีเซียแก้ปัญหาโดยการระงับการส่งออกน้ำมันปาล์ม โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป หวังจะลดความไม่พอใจของประชาชน
หลังจากมีการประกาศเรื่องนี้จึงส่งผลให้หลายประเทศทั่วโลกเกิดความตระหนก เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันปาล์มส่งออกเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของซัพพลายโลกเลยทีเดียว
และจากการระงับการส่งออกดังกล่าว นอกจากจะกระทบกับราคาน้ำมันปาล์มโดยตรงแล้ว ราคาน้ำมันพืชอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันคาโนลา
ซึ่งในปัจจุบันนี้เอง น้ำมันพืชได้ขึ้นราคาพุ่งสูงขึ้นไปแล้วกว่า 50% ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการขาดแรงงานในประเทศมาเลเซีย หรือภัยแล้งจากอาร์เจนตินาและแคนาด รวมไปจนถึงเหตุการณ์รัสเซียโจมตียูเครน ที่ส่งผลให้ยูเครนที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันดอกทานตะวันรายใหญ่ที่สุดของโลก จนทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น และความต้องการของน้ำมันปาล์มเองก็พุ่งสูงขึ้นไปด้วย
แต่ทั้งนี้เองเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียได้มีการออมาชี้แจงว่า คำสั่งห้ามระงับการส่งออกจะมีผลบังคับใช้เฉพาะน้ำมันปาล์มโอเลอิ เท่านั้น ไม่รวมกับการส่งออกน้ำมันดิบแต่อย่างใด ซึ่งช่วยคลายความกังวลใจให้หลายประเทศได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
และไม่แน่ว่าทางรัฐบาลไทยเองจะมีมาตรการช่วยเหลือหรือแก้ไขในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ดังนั้นเราเองคงจะต้องคอยติดตามข่าวสารเรื่องนี้ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
brand inside
กรุงเทพธุรกิจ